
ปวดสะโพก กระเบ็นเหน็บ
จากหมอนรองกระดูกปลิ้น
[Blog] Case Study ep2 | Written By CoHand Clinic
วันนี้ขอมาแชร์เคสปวดหลังล่าง เป็นเวลาโน้มตัวไปด้านหน้า หรือเคลื่อนไหวผิดจังหวะ บอกมุมที่แน่นอนไม่ได้ มีอาการชาบริเวณสะโพกร่วมด้วย
Patient Overview
อาชีพ: พยาบาลสาวสวย ทำงานเก่งมาก
อายุ: 29
BMI: Over
ลักษณะการใช้ชีวิต: ยืนและโน้มตัวไปด้านหน้า
ก้มบ้างในบ้างครั้ง มีนั่งบ้าง แต่ส่วนมากจะยืน
Primary Complaints
- มีอาการปวดหลังล่าง จะมีอาการปวดร้าวไปที่สะโพกในบางครั้ง
- มีอาการชาที่บริเวณก้น กับกระเบ็นเหน็บ
- เวลาไอ-จาม พลิกตัวตอนนอน หรือตื่นนอนตอนเช้า เอี้ยวตัวจะมีอาการปวด หรือแปล๊บที่บริเวณหลังล่าง
Key Clinical Findings
อาการปวดหลังล่างเป็น Mechanical pain ร่วมกับอาการแสดงทางระบบประสาท (ชาที่บริเวณ sacral area)
- Aggravating factors: ไอ จาม พลิกตัว นั่งนาน ก้มตัว
- Easing factor: ยังไม่แน่ชัด
- Postural finding: Postural Imbalance
- Movement Loss: Lumbar flexion (ก้มตัวได้น้อย)
- Repetitive Movement of Flexion/Extension: Increase/No Worse
- Neurological signs: Prolong sitting test (อาการชาชัดขึ้น)
- PAIVM: Hypomobility at L4-L5, L5-S1 with reproduction pain
จากการซักประวัติและตรวจแยกโครงสร้าง พบว่า มีการอักเสบของหมอนรองกระดูกระดับ L4-L5, L5-S1 จนทำให้มีการรบกวนเส้นประสาทระดับ sacral (ชาบริเวณกระเบ็นเหน็บ) และพบว่ามี Biomechanical dysfunction จาก Pelvic tilt และ Muscle imbalance
Postural & Muscle Imbalance
Postural pattern
- Rt. shoulder higher than Lt.
- Rt. iliac crest higher than Lt.
- Pelvic shift to Rt. side
- Increase lumbar lordotic curve
Muscle imbalance
Underwork m. - Psoas m., Both of Gluteus maximus m.,
Rectus abdominis m.
Overwork m. - Rt. quadratus lumborum m., Adductor m.
Clinical Goals
Short-term Goals (2-4 weeks)
- ลดอาการปวดหลังล่าง และลดอาการชาบริเวณกระเบ็นเหน็บ
- ปรับและฝึกการควบคุมท่าทาง (Postural awareness)
- เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Activation)
- ฝึกการเคลื่อนไหวแบบ functional เพื่อเตรียมพร้อมกลับไปใช้งานในชีวิตจริง
Long-term Goals
- สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้โดยไม่มีอาการเจ็บหรือชา
- สามารถควบคุม Postural alignment และ Movement pattern ได้ในชีวิตประจำวัน
- ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยการปรับพฤติกรรมการใช้งานร่างกายให้สู้กับสิ่งที่ทำอยู่ได้
Rehabilitation Program/ Rehab Timeline
Phase 1 Acute phase (1-2 weeks) Goal:
ลดอาการปวด/ชา ร่วมกับการปรับการเคลื่อนไหว
Postural awareness
Core stabilization
Hip hinge movement pattern
Body mechanic training
Phase 2 Sub-acute phase (3-4 weeks) Goal:
เพิ่มความแข็งแรงและควบคุมการเคลื่อนไหว
Dynamic core training
Functional movement
Balance and proprioception
Phase 3 Return to Work (5-6 weeks) Goal:
เตรียมร่างกายให้กลับไปทำงานได้อย่างปลอดภัย
Endurance of core and lower limb
Functional circuit training
.
Monitoring & Reflection
ในเคสนี้เราติดตามอาการโดยใช้การประเมินเพื่อติดตามอาการ คือ
VAS เพื่อประเมินความปวด ตำแหน่งที่ปวด
Body Map เพื่อประเมินอาการชา
ROM/ Functional testing เพื่อดูความสามารถในการเคลื่อนไหว
Activity limitation เพื่อดูว่ากิจกรรมที่ทำไม่ได้ยังรบกวนในชีวิตประจำวันไหม
เป้าหมายในเคสนี้ คือ ให้สามารถกลับไปทำงานได้อย่างปลอดภัยและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ แผนการรักษาจะปรับเปลี่ยนไปตามความสามารถของร่างกายแต่ละบุคคล มาด้วยอาการและสาเหตุเดียวกัน แผนการรักษาและแนวทางการออกกำลังกายอาจจะไม่เหมือนกันนะคะ
อาการปวด อาการแสดงอาจจะคล้ายกันมาก แต่ควรตรวจหาสาเหตุเพื่อจะได้รักษาได้ตรงจุด ความฉลาดของร่างกาย คือ เขาจะพยายามปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้เราใช้ชีวิตได้ และบางทีอาจจะปรับจนเราแก้ไขได้ยากมากขึ้นด้วยเช่นกัน